1.การจัดระบบทรัพยากรการเรียนรู้หมายถึงอะไร และมีประโยชน์อย่างไร
ตอบการจัดระบบในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้โดยการจัดสรรทรัพยากร การแบ่งหน้าที่ในแต่ละฝ่าย ซึ่งการจัดเป็นรูปต่างๆ กันเพื่อให้การบริหารงานบรรลุจุดมุ่งหมาย
2.จงอธิบายวิธีการจัดหมวดหมู่ด้วยระบบทศนิยมดิวอี้
ตอบ ระบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey Decimal Classification) เรียกย่อๆ ว่า D.C. หรือ D.D.C เป็นระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือในห้องสมุดที่นิยมระบบหนึ่ง คิดค้นขึ้นโดยชาวอเมริกัน เมลวิล ดิวอี้ ในขณะที่เขา กำลังเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์อยู่ที่วิทยาลัยแอมเฮอร์ส (Amherst College)
การจัดหมวดหมู่หนังสือตามระบบทศนิยมของดิวอี้ แบ่งหนังสือออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ จากหมวดหมู่ใหญ่ไปหาหมวดหมู่ย่อยต่างๆ
การจัดหมวดหมู่หนังสือตามระบบทศนิยมของดิวอี้ แบ่งหนังสือออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ จากหมวดหมู่ใหญ่ไปหาหมวดหมู่ย่อยต่างๆ
หมวดใหญ่ การแบ่งหมวดหมู่หนังสือระดับที่1 แบ่งตามประเภทของสาระเนื้อหา กลุ่มวิชา 10 หมวด โดยใช้ตัวเลขหลักร้อยเป็นตัวบ่งชี้ 000เบ็ตเตล็ดหรือความรู้ทั่วไป (Generalities)
100 ปรัชญา (Philosophy)
200 ศาสนา (Religion) 300 สังคมศาสตร์ (Social sciences)
400 ภาษาศาสตร์ (Language)
500 วิทยาศาสตร์ (Science)
600 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ หรือเทคโนโลยี (Technology)
700 ศิลปกรรมและการบันเทิง (Arts and recreation)
800 วรรณคดี (Literature)
900 ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ (History and geography)
100 ปรัชญา (Philosophy)
200 ศาสนา (Religion) 300 สังคมศาสตร์ (Social sciences)
400 ภาษาศาสตร์ (Language)
500 วิทยาศาสตร์ (Science)
600 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ หรือเทคโนโลยี (Technology)
700 ศิลปกรรมและการบันเทิง (Arts and recreation)
800 วรรณคดี (Literature)
900 ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ (History and geography)
หมวดย่อย
การแบ่งหมวดหมู่หนังสือระดับที่ 2แบ่งออกเป็นอีก 10 หมวดย่อย โดยใช้ตัวเลขหลักสิบเป็นตัวบ่งชี้ รวมเป็น 100หมวดย่อย
000 เบ็ตเตล็ดหรือความรู้ทั่วไป (Generalities)
100 ปรัชญา (Philosophy)
200 ศาสนา (Religion)
300 สังคมศาสตร์ (Social sciences)
400 ภาษาศาสตร์ (Language)
500 วิทยาศาสตร์ (Science)
600 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ หรือเทคโนโลยี (Technology)
700 ศิลปกรรมและการบันเทิง (Arts and recreation)
800 วรรณคดี (Literature)
900หมวดย่อย
100 ปรัชญา (Philosophy)
200 ศาสนา (Religion)
300 สังคมศาสตร์ (Social sciences)
400 ภาษาศาสตร์ (Language)
500 วิทยาศาสตร์ (Science)
600 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ หรือเทคโนโลยี (Technology)
700 ศิลปกรรมและการบันเทิง (Arts and recreation)
800 วรรณคดี (Literature)
900หมวดย่อย
3.จงอธิบายวิธีการจัดหมวดหมู่ด้วยระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน
ตอบ เป็นระบบของหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน: ปัจจุบันเป็นหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบไปด้วย 3 อาคาร มีพื้นที่ประมาณ 2,614,000 ตรม.มีทรัพยากรสารสนเทศทุกรูปแบบจากทั่วโลกกว่า 460 ภาษา โดยแบ่งมี 21 หมวด ประกอบด้วยอักษร A-Z ยกเว้น I O W X Y
สัญลักษณ์และลักษณะของระบบ LC
เป็นสัญลักษณ์ผสม (mixed notation)
มี 21 หมวด ประกอบด้วยอักษร A-Z
ยกเว้น I O W X Y
แบ่งเนื้อหาย่อยโดยใช้เลข 1 -9999
แต่ละหมวดแยกการพิมพ์และการใช้โดยอิสระ บางหมวดมีเล่มเดียว บางหมวดมีหลายเล่ม
ลักษณะการแบ่งหมวดหมู่ของระบบ LC
. หมวดใหญ่ (Main Classes) มี 21 หมวด คือ
A = เรื่องทั่วไป
B = ปรัชญา ศาสนา
C = ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์
D = ประวัติศาสตร์ทั่วไป / โลกเก่า
E-F= ประวัติศาสตร์ของทวีปอเมริกา
G = ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา นันทนาการ
H= สังคมศาสตร์
J = รัฐศาสตร์
K= กฎหมาย
L = การศึกษา
M = ดนตรี
N = ศิลปะ
P = ภาษาและวรรณคดี
Q = วิทยาศาสตร์
R = การแพทย์
S = การเกษตร
T = เทคโนโลยี
U = วิทยาศาสตร์การทหาร
V = นาวิกศาสตร์
Z = บรรณารักษศาสตร์
. หมวดย่อย (Sub Classes)
เป็นการแบ่งย่อยจากหมวดใหญ่(main classes)ใช้อักษรภาษาอังกฤษ 2-3 ตัว ซึ่งแต่ละหมวดอาจแบ่งหมวดย่อยไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขอบเขตเนื้อหา เช่น หมวด H สังคมศาสตร์
HC = สถิติ
HB = เศรษฐศาสตร์
HC = ประวัติสภาวะทางเศรษฐกิจ
HE = การขนส่งและการคมนาคม
3. เนื้อเรื่องย่อยของหนังสือ (subdivision / subject)
เป็นการแบ่งเนื้อหาในหมวดย่อย(sub classes) ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นโดยใช้เลข 1-9999 เติมหลังหมวดย่อย และอาจใช้จุดทศนิยม เลขคัตเตอร์หมู่ หรือตารางประเภทต่าง ๆ ในการกระจายเนื้อหาให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่าง
Q Sciences (general)
300-385 Cybernetics. Information theory
QA Mathematics
9-10 Mathematical Logic
76 Computer sciences. Electronics data processing
101-141 Elementary mathematics. Arithmetic
150-274 Algebra
4. จงอธิบายหมวดหมู่ในการจัดเก็บสื่อโสตทัศน์
ตอบ 1) แผนที่ MA (MAP)
2) ภาพ PIC (Picture)
2) ภาพ PIC (Picture)
3) ภาพโปสเตอร์ PR (poster)
4) ภาพยนตร์ F (Film)
4) ภาพยนตร์ F (Film)
5) ภาพนิ่ง S (Slide)
6) ภาพเลื่อน FS (Filmstrip)
7) แผ่นโปร่งใส TR (Transpsarency)
8) แถบบันทึกเสียง CT (Cassettetape)
9) วีดิทัศน์ VC (Videotape)
10) ไมโครฟิล์ม MIC (Microfilm)
11) แผ่นเสียง PD (Phonodise)
12) ซีดี-รอม CD (CD-ROM)
13) วิดีโอคอมแพคดิสก์ VCD
14) ดิจิทัลวิดีโอดิสก์ DVD
5.ถ้านิสิตสืบค้นทรัพยากรการเรียนรู้ และพบที่สันหนังสือมีเลข 371.33 อ 834 ท แสดงว่าตัวเลขหมวดหมู่ดังกล่าวมี ความหมายว่าอะไร จงอธิบาย
ตอบ 371.33 เลขหมู่กำหนดตามเนื้อหาของหนังสือ
อ อักษรตัวแรกของผู้แต่ง
834เลขผู้แต่งหนังสือ
ท อักษรตัวแรกของชื่อหนังสือ
6 .หมวดหมู่ของระบบอเมริกันและระบบ ดิวอี้ต่างกันอย่างไร
ตอบ ระบบทศนิยมดิวอี้Dewey Decimal Classification D.D.C เป็นระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือตามระบบทศนิยม
ระบบของหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน เป็นระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือโดยแบ่งมี 21 หมวด ประกอบด้วยอักษร A-Z ยกเว้น I O W X Y
7จงอธิบายประโยชน์ของการเสริมปกอ่อนให้เปกแข็ง
ตอบ 1. ต้นทุนต่า ประหยัดงบประมาณ โดยเฉลี่ยประมาณ 5บาทต่อเล่ม
2. มีวิธีการขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
3. มีขั้นตอนในการทาที่รวดเร็ว ประหยัดเวลา ประมาณ 5 นาทีต่อเล่ม
4. รูปเล่มมีความคงทนแข็งแรงในการให้บริการ
5. รูปเล่มสามารถทรงตัวอยู่บนชั้นหนังสือได้ โดยปกไม่ชารุดเสียหาย
6. มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
7. สามารถรักษาโครงสร้างรูปร่างของหนังสือได้อย่างสมบูรณ์
8. ไม้เนียน คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรในการเสริมปก
ตอบ คือไม้เนียนรีดผ้าฝ้ายให้ติดกับตัวเล่มหนังสือ
ให้เรียบร้อย แล้วทาแบบเดียวกันกับปกอีกด้านที่เหลือ
9.วัสดุอุปกรณ์ในการเสริมปกมีอะไรบ้าง
ตอบ 1. กาวลาเท็กซ์ เช่น TOA
2.กระดาษแข็งหรือกระดาษปกเบอร์ 12หรือมีความหนาประมาณ .050 นิ้ว
3. ผ้าฝ้าย(100% cotton)
4.มีดคัตเตอร์
5. กรรไกร
6.แผ่นพลาสติกรองตัดเพื่อไม่ให้โดนโต๊ะ
7.ไม้กระดานแผ่นเรียบ8. แปรงทากาว
9.แท่นน้าหนัก
10.ไม้เนียน
11.เครื่องเจียนกระดาษ (ถ้ามี) อื่น ๆ ได้แก่ ไม้บรรทัด ดินสอ
10. จงอธิบายความสำคัญของงบประมาณ
ตอบ 1.ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมต้นทุนโครงการ ตลอดจนแผนงานตั้งแต่ในระดับโครงการจนถึงการบริหารจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
2. ใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหาร ทาให้มีประสิทธิภาพในการวางแผนทางการเงินเนื่องจากเป็นแผนงานที่แสดงออกในลักษณะเชิงปริมาณจะที่เกิดขึ้นในเวลาที่กำหนด
3. สามารถนำงบประมาณไปใช้ในการควบคุมแผนงานก็จะช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถติดตามผลการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงานได้อย่างดี
11. ปีงบประมาณของส่วนภาครัฐ และเอกชนต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ งบประมาณประจาปี โดยปีงบประมาณมักจะเป็นไปตามรอบบัญชีของเอกชน เช่น เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมและสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม เป็นต้น ส่วนของภาครัฐจะเริ่มปีงบประมาณในวันที่ 1 ตุลาคม และสิ้นสุดปีงบประมาณในวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป งบประมาณจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผน กำหนดวัตถุประสงค์ และเป้าหมาย
ภาครัฐจะเริ่มปีงบประมาณในวันที่1 ตุลาคม และสิ้นสุดปีงบประมาณในวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป งบประมาณจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผน กำหนดวัตถุประสงค์ และเป้าหมายในการดาเนินงานทางการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
12.จงอธิบายความหมายงบประมาณสมดุล เกินดุล และขาดดุล
ตอบ 1. นโยบายงบประมาณสมดุล (Balanced Budget Policy) ซึ่งหมายถึงการประมาณการให้รายจ่ายประจาปีเท่ากับประมาณการรายได้ในปีนั้นๆ
2. นโยบายงบประมาณเกินดุล(Surplus Budget Policy) ซึ่งหมายถึงการประมาณการให้รายจ่ายประจำปีต่ำกว่าประมาณการรายได้ในปีเดียวกัน แนวทางนี้ต้องเรียกว่าเป็นแนวเศรษฐกิจพอเพียง คือ การใช้จ่ายอย่างระมัดระวังไม่เกินตัวนั่นเอง
3. นโยบายงบประมาณขาดดุล(Deficit Budget Policy)หมายถึงการกำหนดให้มีการจัดทางบประมาณการรายจ่ายสูงกว่างบประมาณการรายได้ในปีเดียวกัน ซึ่งทาให้เกิดการกู้ยืมเงินหรือนาเงินสารองมาใช้จ่ายเพิ่มเติมในปีงบประมาณดังกล่าว
13.หมวดงบประมาณประกอบด้วยกี่หมวดอะไรบ้าง
ตอบ 7 หมวด ดังนี้
(1) หมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจา
(2) หมวดค่าจ้างชั่วคราว
(3) หมวดค่าตอบแทนใช้สอย และวัสดุ
(4) หมวดค่าสาธารณูปโภค
(5) หมวดค่าครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง
(6) หมวดเงินอุดหนุน
(7) หมวดรายจ่ายอื่น
14.จงอธิบายความหมาย “ค่าวัสดุ” และ "ค่าครุภัณฑ์"
ตอบ ค่าวัสดุ หมายความว่า
1.รายจ่ายเพื่อซื้อ แลกเปลี่ยน จ้างทา ทา เองหรือกรณีอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในสิ่งของดังต่อไปนี้
1.1สิ่งของซึ่งโดยสภาพเมื่อใช้แล้วย่อมสิ้นเปลือง หมดไปเอง แปรสภาพ หรือไม่คงสภาพเดิมอีกต่อไป หรือ
1.2สิ่งของที่มีลักษณะคงทนถาวร แต่มีอายุการใช้งานมในระยะเวลาประมาณไม่เกิน 1 ปี หรือ
1.3สิ่งของที่มีลักษณะคงทนถาวรและมีอายุการใช้งานในระยะเวลาประมาณ1ปีขึ้นไป แต่มีราคาหน่วยหนึ่งหรือชุดหนึ่งไม่เกิน 5,000บาท ยกเว้นสิ่งของตามตัวอย่างสิ่งของที่เป็นครุภัณฑ์หรือ
1.4สิ่งของที่ส่วนราชการซื้อมาใช้ในการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมทรัพย์สิน เพื่อให้มีสภาพหรือประสิทธิภาพคงเดิม
ค่าครุภัณฑ์ หมายความว่า
1. รายจ่ายเพื่อซื้อ แลกเปลี่ยน จ้างทา ทา เองหรือกรณีอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์
ในสิ่งของดังต่อไปนี้
1.1สิ่งของที่มีลักษณะคงทนถาวร มีอายุการใช้งานในระยะเวลาประมาณ 1 ปี
ขึ้นไป และมีราคาหน่วยหนึ่งหรือชุดหนึ่งเกิน 5,000 บาทหรือ
1.2สิ่งของตามตัวอย่างสิ่งของที่เป็นครุภัณฑ์
2. ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการประกอบ ดัดแปลง หรือต่อเติมสิ่งของตามข้อ 1
เพื่อให้มีสภาพหรือประสิทธิภาพดีขึ้น
ค่าใช้จ่ายตามวรรคแรกให้หมายความรวมถึงค่าสิ่งของที่ส่วนราชการซื้อมาเพื่อ
ดำเนินการเอง
3. ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องชาระพร้อมกับค่าสิ่งของ เช่น ค่าขนส่ง ค่าภาษี
ค่าประกันภัย ค่าติดตั้ง ฯลฯ ให้เบิกจ่ายในรายจ่ายคาครุภัณฑ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น